วันอังคารที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

วิธีการใช้ Disk Drill ในการป้องกันการสูญเสียข้อมูล และการกู้คืนข้อมูล

 ถ้าต้องการฟีเจอร์ป้องกันการสูญเสียข้อมูล Disk Drill เป็นตัวเลือกที่ดี เพราะมีฟีเจอร์ "Recovery Vault" และ "Guaranteed Recovery" ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสในการกู้คืนไฟล์สำคัญได้มากขึ้น

มาดูวิธีการใช้ Disk Drill ในการป้องกันการสูญเสียข้อมูล และการกู้คืนข้อมูลกันครับ

1. ดาวน์โหลดและติดตั้ง Disk Drill:

ดาวน์โหลด Disk Drill เวอร์ชั่น Windows ได้จากเว็บไซต์ทางการ:
https://www.cleverfiles.com/th/disk-drill-windows.html

ติดตั้งโปรแกรมตามขั้นตอนปกติ

2. เปิดใช้งาน Recovery Vault:

เปิดโปรแกรม Disk Drill
เลือกไดรฟ์ที่ต้องการป้องกัน
คลิกที่ "Protect" ข้างๆ Recovery Vault
เลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการป้องกัน (เช่น My Documents, Pictures)
คลิก "OK" เพื่อเปิดใช้งาน Recovery Vault

3. (ไม่บังคับ) เปิดใช้งาน Guaranteed Recovery:

ฟีเจอร์นี้จะบันทึกสำเนาของไฟล์ที่ถูกลบไปยังโฟลเดอร์ที่กำหนด
คลิกที่ "Protect" ข้างๆ Guaranteed Recovery
เลือกไดรฟ์และโฟลเดอร์ที่ต้องการป้องกัน
คลิก "OK" เพื่อเปิดใช้งาน Guaranteed Recovery

4. การกู้คืนข้อมูล:

หากเผลอลบไฟล์ หรือ ต้องการกู้คืนไฟล์ที่อยู่ใน Recovery Vault
เปิดโปรแกรม Disk Drill
เลือกไดรฟ์ที่ต้องการกู้คืนข้อมูล
คลิก "Scan"
เลือกไฟล์ที่ต้องการกู้คืน
คลิก "Recover"

หมายเหตุ:

เวอร์ชั่นฟรีของ Disk Drill จำกัดขนาดไฟล์ที่กู้คืนได้ (ไม่เกิน 500MB)

ควรเปิดใช้งาน Recovery Vault และ Guaranteed Recovery ไว้ตลอดเวลา เพื่อการป้องกันที่ดีที่สุด
การป้องกันข้อมูล ไม่สามารถทดแทนการ Backup ข้อมูลได้ ควร Backup ข้อมูลสำคัญอย่างสม่ำเสมอ

หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์นะครับ
😊










โปรแกรมกู้ข้อมูลตัวไหนดี

 ถ้าพูดถึงโปรแกรมกู้ข้อมูลฟรี ที่น่าสนใจทั้ง Recuva, EaseUS Data Recovery Wizard และ Disk Drill ต่างก็มีข้อดีข้อเสียต่างกันไป เลือกใช้ตามความต้องการได้เลยครับ

1. Recuva:
ข้อดี:
ใช้งานง่าย เหมาะกับมือใหม่
ขนาดเล็ก ดาวน์โหลดและติดตั้งรวดเร็ว
รองรับภาษาไทย
ข้อจำกัด:
ประสิทธิภาพการกู้คืนข้อมูลอาจไม่สูงเท่าตัวอื่น
ฟีเจอร์จำกัด ในเวอร์ชั่นฟรี

2. EaseUS Data Recovery Wizard:

ข้อดี:
ประสิทธิภาพการกู้ข้อมูลสูง กู้ได้หลากหลายสถานการณ์
มีฟีเจอร์หลากหลาย เช่น การสร้าง Bootable USB การกู้ข้อมูลจาก Partition ที่หายไป
ข้อจำกัด:
เวอร์ชั่นฟรีจำกัดขนาดไฟล์ที่กู้ได้ (ไม่เกิน 2GB)

3. Disk Drill:

ข้อดี:
ประสิทธิภาพการกู้ข้อมูลสูง
มีฟีเจอร์ป้องกันการสูญเสียข้อมูล (Data Protection)
ใช้งานได้ทั้ง Windows และ macOS
ข้อจำกัด:
เวอร์ชั่นฟรีจำกัดขนาดไฟล์ที่กู้ได้ (ไม่เกิน 500MB)

สรุป:

  • ถ้าเน้นใช้งานง่าย และต้องการโปรแกรมภาษาไทย Recuva เป็นตัวเลือกที่ดี
  • ถ้าต้องการประสิทธิภาพการกู้ข้อมูลสูง และยอมรับข้อจำกัดเรื่องขนาดไฟล์ EaseUS Data Recovery Wizard Free เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
  • ถ้าต้องการฟีเจอร์ป้องกันการสูญเสียข้อมูล Disk Drill เป็นตัวเลือกที่ดี แต่เวอร์ชั่นฟรีจำกัดขนาดไฟล์
  • คำแนะนำเพิ่มเติม:
  • ลองดาวน์โหลดเวอร์ชั่นฟรีของแต่ละโปรแกรมมาทดลองใช้งานก่อนได้ครับ
  • ควรเลือกโปรแกรมที่รองรับระบบปฏิบัติการ และประเภทของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่ต้องการกู้คืน
  • อ่านรีวิวและเปรียบเทียบฟีเจอร์ของแต่ละโปรแกรม ก่อนตัดสินใจเลือกใช้


หวังว่าข้อมูลนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจนะครับ
😊





การกู้ข้อมูลใน ฮาร์ดดิสก์ ทำยังไง

 การกู้ข้อมูลใน ฮาร์ดดิสก์ ทำยังไง

.
การกู้ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์ เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมากครับ ก่อนอื่นเลย ต้องแยกให้ออกก่อนว่า ปัญหาที่ทำให้กู้ข้อมูลไม่ได้ เกิดจากอะไร

สาเหตุของการสูญเสียข้อมูลในฮาร์ดดิสก์

  • ความเสียหายทางกายภาพ: เช่น ฮาร์ดดิสก์ตกหล่น น้ำเข้า หัวอ่านเสียหาย ซึ่งมักต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือเฉพาะทางในการกู้ข้อมูล
  • ความเสียหายทางตรรกะ (Logical): เช่น ไฟล์ระบบเสียหาย เผลอลบข้อมูล โดนไวรัส ซึ่งสามารถกู้ข้อมูลได้ด้วยตัวเอง หรือใช้โปรแกรมช่วยกู้ข้อมูล
วิธีการกู้ข้อมูล

1. หากสงสัยว่า ฮาร์ดดิสก์เสียหายทางกายภาพ:

  • หยุดใช้งานทันที: การใช้งานต่อ อาจทำให้ความเสียหายรุนแรงขึ้น
  • อย่าพยายามซ่อมเอง: ยกเว้นว่า คุณมีความรู้และประสบการณ์
  • ติดต่อผู้เชี่ยวชาญ: บริษัทกู้ข้อมูล (Data Recovery) มีเครื่องมือและความเชี่ยวชาญในการกู้ข้อมูลจากฮาร์ดดิสก์ที่เสียหายทางกายภาพ
2. หากมั่นใจว่า เป็นความเสียหายทางตรรกะ:

  • ใช้โปรแกรมกู้ข้อมูล: มีโปรแกรมฟรีและเสียเงินมากมาย เช่น Recuva, EaseUS Data Recovery Wizard, Disk Drill
  • กู้ข้อมูลจาก Backup: หากเคยสำรองข้อมูลไว้ ให้กู้ข้อมูลจาก Backup (เน้นย้ำถึงความสำคัญของการ Backup ข้อมูลเป็นประจำ)
  • กู้ข้อมูลจากบริการ Cloud: หากเคยบันทึกข้อมูลบน Cloud เช่น Google Drive, Dropbox ให้ลองดาวน์โหลดกลับมา
ข้อควรระวัง:

  • อย่า Format ฮาร์ดดิสก์: การ Format จะทำให้กู้ข้อมูลได้ยากขึ้น
  • เลือกโปรแกรมกู้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือ: บางโปรแกรมอาจมีมัลแวร์ หรือ ไม่สามารถกู้ข้อมูลได้จริง
  • สำรองข้อมูลเป็นประจำ: การ Backup เป็นวิธีป้องกันการสูญเสียข้อมูลที่ดีที่สุด
หมายเหตุ:
การกู้ข้อมูล มีโอกาสสำเร็จไม่ 100% ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของปัญหา และวิธีการกู้ข้อมูล การป้องกันไว้ก่อน โดยการ Backup และระมัดระวังการใช้งานฮาร์ดดิสก์ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุดครับ





แรมของ พีซี ซ่อมได้หรือไม่

 RAM (Random Access Memory) ของ PC เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ "ไม่สามารถซ่อมแซมได้" ในทางปฏิบัติ หาก RAM เสียหาย วิธีแก้ไขคือการเปลี่ยนตัวใหม่เท่านั้นครับ

สาเหตุที่ RAM ซ่อมไม่ได้:

ความซับซ้อน: RAM โมดูลเล็กๆ ประกอบด้วยชิปหน่วยความจำขนาดจิ๋วจำนวนมาก เชื่อมต่อกันอย่างซับซ้อนบนแผงวงจร การระบุจุดเสียหายและซ่อมแซมในระดับชิป ซับซ้อนเกินกว่าจะทำได้คุ้มค่า

ต้นทุน: แม้จะซ่อมได้ ค่าใช้จ่ายในการวินิจฉัย อุปกรณ์ และแรงงาน มักสูงกว่าการซื้อ RAM ใหม่
ความคุ้มค่า: เทคโนโลยี RAM พัฒนาเร็วมาก RAM รุ่นเก่าที่เสียหาย อาจหาอะไหล่ยาก และประสิทธิภาพด้อยกว่ารุ่นใหม่

สิ่งที่พอทำได้ (แต่ไม่ใช่การซ่อม):

ตรวจสอบการเชื่อมต่อ: บางครั้งปัญหาอาจไม่ได้เกิดจาก RAM เสีย แต่เป็นการ์ดหลวม ลองถอด RAM ออกมาทำความสะอาดขั้วทองแดง แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่

ทดสอบ RAM: ใช้โปรแกรมทดสอบ RAM เช่น MemTest86 เพื่อยืนยันว่า RAM เสียหายจริงหรือไม่

สรุป:

หากสงสัยว่า RAM มีปัญหา ให้ลองตรวจสอบการเชื่อมต่อและทดสอบด้วยโปรแกรม แต่ถ้ามั่นใจว่า RAM เสียหายจริงๆ การเปลี่ยนตัวใหม่เป็นทางออกที่คุ้มค่ากว่าครับ